หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ต้องการว่ายน้ำหรือจัดปาร์ตี้ในเวลากลางคืน สิ่งที่คุณขาดไม่ได้เลยสำหรับกิจกรรมริมสระว่ายน้ำ คือ “แสงไฟ” แล้วแสงไฟเราจะหามาจากที่ไหนละในเมื่อต้องการให้ใต้น้ำเรามีแสงสว่างที่สวยงามและสว่างทั่วสระ วันนี้เรามีเกร็ดความรู้ดีๆมาฝากเกี่ยวกับไฟใต้น้ำ
ประเภทของไฟใต้น้ำ
ไฟใต้น้ำในท้องตลาดปัจจุบันมี 2 ประเภท คือ ไฟใต้น้ำ Halogen และ ไฟใต้น้ำ LED ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร?
1. ไฟใต้น้ำ Halogen เป็นหลอดไฟที่มีไส้ โดยมีการบรรจุก๊าซ Halogen หลักการทำงานก็คือ การจ่ายไฟด้วย ก๊าซ Halogen ทำให้ไส้มีความร้อน ไฟชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคก่อน แต่ข้อจำกัดของไฟรุ่นนี้อีกคือ สีไฟจะติดโทนเหลืองหรือสี warm และไม่สามารถเปลี่ยนสีได้
- ข้อดี: ราคาถูก / มีความทนทาน / ใช้งานได้นาน
- ข้อเสีย: เปลี่ยนสีไม่ได้ / มีประสิทธิภาพต่ำ เนื่องจากให้แสงสว่างได้น้อย
2. ไฟใต้น้ำ LED เป็นไฟที่ใช้ชิพเป็นตัวกำเนิดแสง จึงทำให้ประหยัดพลังงาน เพราะไฟ LED สามารถให้แสงในปริมาณเท่ากันกับหลอดไฟฮาโลเจนประมาณ 20 วัตต์ ในขณะหลอด LED ใช้พลังงานเพียง 6 วัตต์ ทำให้ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน มีดีไซน์ที่ทันสมัยและสีสันที่มีให้เลือกหลากหลาย
- ข้อดี: ให้ความประหยัด เพราะใช้พลังน้อย แต่มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดี / อายุการใช้งานยาวนาน / ให้แสงสว่างจ้ากว่าหลอดไฟ Halogen และรัศมีแสงที่ยิงออกไป ให้วงที่กว้างกว่า
- ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าเล็กน้อย
แสงของไฟใต้น้ำ
แสงของไฟใต้น้ำมีทั้งหมด 4 แสงด้วยกัน คือ แสงวอร์ม, แสงสีขาว ,แสงสีฟ้า, แสง RGB เปลี่ยนได้หลากหลายสี ( สั่งงานด้วยรีโมท )
อุปกรณ์เสริมสำหรับไฟใต้น้ำ
เมื่อเราทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวหลอดไฟแล้ว สิ่งที่ต้องทราบอีกหนึ่งข้อคือ อุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของไฟใต้น้ำ ซึ่งมีด้วยกัน 2 ชิ้น ดังนี้
1. ชุดหม้อแปลงไฟฟ้า กระแส DC
หม้อแปลงไฟฟ้า คือ เครื่องกลไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่ใช้แปลงพลังงานไฟฟ้า ใช้สำหรับแปลงแรงดันไฟฟ้าบ้าน 220 VAC ให้ลดลงเป็นไฟ DC 12V การใช้หม้อแปลงไฟฟ้าจะช่วยให้การจ่ายกำลังไฟของไฟใต้น้ำให้เหมาะสมและไม่เกิดแรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินไป
2. ในกรณีที่ไฟใต้น้ำของคุณเป็นไฟแบบ RGB หรือไฟที่สามารถเปลี่ยนสีได้ ต้องใช้อุปกรณ์ รีโมทคอนโทรล ในการปรับเปลี่ยนสีไฟใต้น้ำ หากอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ บริษัท J5 ผู้นำเข้าไฟใต้น้ำที่มากที่สุดในไทย