ไม่ว่าใครก็อยากที่จะมี “สระว่ายน้ำ” สวย ๆ ไว้ในบ้าน เพราะนอกจากจะไว้ใช้ทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ เช่น ว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำกับคนในครอบครัวแล้ว สระว่ายน้ำยังทำให้บ้านสวยงามและดูสดชื่นขึ้นด้วย สำหรับท่านใดที่วางแผนจะติดตั้งสระว่ายน้ำ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกติดตั้งระบบสระว่ายน้ำแบบไหนดี J5 Swimming Pool จะพาคุณไปดูกันว่าระบบสระว่ายน้ำมีอะไรบ้าง แต่งตามอะไร ใครที่อยากรู้ว่าบ้านของตัวเองเหมาะกับระบบสระแบบไหน? ห้ามพลาดบทความนี้เลย!
การแบ่งระบบว่ายน้ำตามระบบหมุนเวียนน้ำของสระว่ายน้ำ
ก่อนที่จะเริ่มสร้างสระว่ายน้ำ ควรทำความเข้าใจระบบสระว่ายน้ำต่าง ๆ ก่อน เพราะการจำแนกประเภทของสระว่ายน้ำนั้นสามารถทำได้หลายเกณฑ์ เพื่อที่จะได้เลือกรูปแบบสระว่ายน้ำที่เหมาะกับบ้าน หากเราแบ่งระบบสระว่ายน้ำโดยยึดตาม “ระบบหมุนเวียนน้ำ” ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการนำน้ำในสระไปผ่านกระบวนการกรองและบำบัด (ที่เราเรียกว่า 1 Turnover) ก่อนจะส่งกลับคืนสู่สระ เราจะสามารถแบ่งระบบสระว่ายน้ำที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ระบบ Overflow กับ ระบบ Skimmer ซึ่งก็คือระบบหมุนเวียนสระว่ายน้ำที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง ไปดูกันว่าทั้งสองระบบนี้มีข้อดีต่างกันอย่างไรบ้าง
ระบบสระว่ายน้ำ Overflow คืออะไร?
ระบบสระว่ายน้ำ Overflow หรือที่เรียกว่า “ระบบน้ำล้น” หรือ “Infinity Edge” คือ ระบบหมุนเวียนน้ำด้วยการดันน้ำขึ้นจากพื้นสระ ซึ่งจะทำให้สิ่งสกปรกและตะกอนถูกดันไปยังรางน้ำล้นที่อยู่รอบสระด้วย หลังจากนั้นน้ำจะไหลไปยังถังสำรองน้ำ (Surge Tank) แล้วตัวปั๊ม จะดูดน้ำจากถังสำรองน้ำเข้าไปผ่านระบบกรองและระบบฆ่าเชื้อโรค เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ทำให้น้ำใสสะอาด และปล่อยน้ำกลับเข้าสู่สระอีกครั้ง
จุดเด่นของระบบสระว่ายน้ำ Overflow
- ผิวน้ำจะอยู่บริเวณขอบสระพอดี ทำให้มีความสวยงาม
- ผิวน้ำจะดูสะอาดตลอดเวลา เพราะสิ่งสกปรกจะถูกดันออกจากสระตลอดเวลา
จุดด้อยของระบบสระว่ายน้ำ Overflow
- ต้องใช้พื้นที่ในการสร้างทั้งสระว่ายน้ำ และถังสำรองน้ำ จึงทำให้มีต้นทุนสูงกว่า
- ระยะเวลาหมุนเวียนน้ำจะยาวนานกว่าระบบสระว่ายน้ำ Skimmer
1. ระบบสระว่ายน้ำ Overflow ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
- ถังสำรองน้ำ (Surge Tank)
- รางน้ำล้น (Overflow Gutter)
- ปั๊มน้ำหมุนเวียน
- เครื่องกรองน้ำ
- ระบบท่อน้ำเข้า-ออก
- หัวจ่ายน้ำที่ผนังสระ
- ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า
- ไฟใต้น้ำ
- อุปกรณ์วัดและควบคุมค่า pH และคลอรีน
- ชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ
- อุปกรณ์ฆ่าเชื้อโรค
ระบบสระว่ายน้ำ Skimmer คืออะไร?
ระบบสระว่ายน้ำ Skimmer คือ ระบบหมุนเวียนน้ำด้วยอุปกรณ์ที่มีชื่อเรียกว่า “Skimmer Box” ที่ติดตั้งอยู่บริเวณขอบสระว่ายน้ำ โดยน้ำจะถูกส่งเข้าทางปากของ Skimmer ส่งตรงไปยังระบบการกรองและระบบฆ่าเชื้อโรค เพื่อทำให้น้ำสะอาดและส่งกลับเข้ามาในสระว่ายน้ำอีกครั้ง
จุดเด่นของระบบสระว่ายน้ำ Skimmer
- ไม่ต้องใช้ถังสำรองน้ำ (Surge Tank) ทำให้ใช้น้ำน้อยลง
- ระยะทางที่น้ำไหลผ่านสั้น
- ไม่ต้องทำพื้นที่น้ำล้น ทำให้ประหยัดต้นทุนในการสร้างสระว่ายน้ำได้มาก
จุดด้อยของระบบสระว่ายน้ำ Skimmer
- ระดับน้ำต่ำกว่าขอบสระ ประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร อาจทำให้สระน้ำดูไม่สวยงามมากนัก
- อาจมีตะกอนอยู่ใต้พื้นสระ หรือทำให้ผิวน้ำบางจุดดูไม่สะอาดมากนัก
ระบบสระว่ายน้ำ Skimmer ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
- Skimmer Box
- ปั๊มน้ำหมุนเวียน
- เครื่องกรองน้ำ
- ระบบท่อน้ำเข้า-ออก
- หัวจ่ายน้ำที่ผนังสระ
- ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า
- ไฟใต้น้ำ
- อุปกรณ์วัดและควบคุมค่า pH และคลอรีน
- ชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ
- ระบบฆ่าเชื้อโรค
การแบ่งระบบสระว่ายน้ำตามระบบกรอง
การแบ่งประเภทของสระว่ายน้ำ นอกจากการแบ่งตามระบบหมุนเวียนน้ำแล้ว ยังสามารถจำแนกสระว่ายน้ำตาม ระบบบำบัดน้ำและฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเรียกรวม ๆ กันว่าระบบกรอง แม้ว่าระบบฆ่าเชื้อโรคจะทำหน้าที่แตกต่างจากตัวกรอง (Filter) แต่ก็เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้น้ำสะอาดและปลอดภัย โดยมีระบบที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายดังนี้
ระบบสระว่ายน้ำคลอรีน
ระบบสระว่ายน้ำคลอรีนเป็นระบบที่ได้รับความนิยม ถือเป็นระบบมาตรฐานที่ใช้สารคลอรีน (แบบผง เกร็ด หรือน้ำ) เติมลงในสระโดยตรงเพื่อฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และตะไคร่น้ำ ซึ่งมีข้อดีคือมีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรค ราคาถูก และดูแลรักษาง่ายเนื่องจากเป็นระบบพื้นฐานที่ช่างคุ้นเคย แต่ทำให้สระว่ายน้ำมีกลิ่นฉุน อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตา และต้องคอยวัดค่าและเติมคลอรีนอย่างสม่ำเสมอ
ระบบสระว่ายน้ำเกลือ
สระว่ายน้ำระบบเกลือ เป็นการใช้เกลือธรรมชาติ (NaCl) ในปริมาณต่ำ ผ่านเครื่องแปลงเกลือ (Salt Chlorinator) เพื่อผลิตคลอรีนอ่อน ๆ มาฆ่าเชื้อโรค แทนการเติมคลอรีนโดยตรง ทำให้น้ำในสระมีความนุ่มนวล ไม่ระคายเคืองผิวหนังหรือแสบตา กลิ่นคลอรีนน้อยมาก และไม่ต้องเติมคลอรีนบ่อย แต่มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องแปลงเกลือเริ่มต้นสูงกว่า และต้องดูแลรักษาเซลล์กำเนิดคลอรีนอย่างสม่ำเสมอ
ระบบสระว่ายน้ำ น้ำแร่
ระบบสระว่ายน้ำ น้ำแร่เป็นระบบที่ใช้แร่ธาตุธรรมชาติ เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม หรือบางระบบใช้ทองแดง หรือเงิน เป็นตัวช่วยหลักในการฆ่าเชื้อโรคและทำให้ตะกอนจับตัว ข้อดีคือได้คุณภาพน้ำที่ดีที่สุด สัมผัสของน้ำมีความนุ่มนวล ใสสะอาด ช่วยบำรุงผิวพรรณ และลดการใช้คลอรีนได้มาก แต่มาพร้อมค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและค่าแร่ธาตุสำหรับเติมที่สูง และยังจำเป็นต้องใช้คลอรีนในปริมาณเล็กน้อยควบคู่กันไป
ระบบสระว่ายน้ำโอโซน
ระบบสระว่ายน้ำโอโซน เป็นระบบที่จะใช้เครื่องผลิตก๊าซโอโซน ทำให้เกิดการออกซิไดซ์และฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำความสะอาดได้เร็วกว่าคลอรีนหลายเท่า โดยจะทำการฆ่าเชื้อในระบบท่อ ทำให้ได้น้ำที่ใส มีความสะอาด และบริสุทธิ์ ลดกลิ่นและสารเคมีตกค้างในสระ แต่ก๊าซโอโซนสลายตัวเร็วมาก จึงไม่สามารถคงอยู่ในสระได้ จำเป็นต้องใช้ระบบอื่น เช่น คลอรีนหรือเกลือควบคู่กันไปด้วย ที่สำคัญมีค่าติดตั้งที่สูง
ระบบสระว่ายน้ำ UV
ระบบสระว่ายน้ำ UV เป็นระบบที่จะฉายรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ความเข้มข้นสูงในท่อที่น้ำไหลผ่าน เพื่อทำลายของเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัส ทำให้น้ำสะอาด ปราศจากเชื้อโรคโดยไม่เติมสารเคมีจำนวนมาก แต่ฆ่าเชื้อได้เฉพาะในจุดที่น้ำไหลผ่านหลอด UV เท่านั้น ไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อคงเหลือในสระ จึงต้องใช้ร่วมกับคลอรีนหรือเกลือเสมอ
ขั้นตอนการดูแลระบบสระว่ายน้ำและระบบบำบัดน้ำ
การดูแลรักษาระบบสระว่ายน้ำและระบบบำบัดน้ำอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาคุณภาพน้ำให้ดีอยู่เสมอ ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้
- ตรวจวัดค่า pH และคลอรีนในน้ำ พร้อมปรับค่าให้เหมาะสมทุกวัน
- ทำความสะอาดตะกร้าดักผงและสกิมเมอร์ทุกสัปดาห์
- ล้างย้อนเครื่องกรองทุก 1-2 สัปดาห์
- ดูดตะกอนและทำความสะอาดผนังสระทุก 2 สัปดาห์
- ตรวจเช็คการทำงานของระบบกรองและอุปกรณ์ต่าง ๆ ทุก 3 เดือน
- เปลี่ยนทรายกรองทุก 3-5 ปี
สรุปแล้วควรเลือกระบบสระว่ายน้ำ Overflow หรือ ระบบสระว่ายน้ำ Skimmer ดี?
จะเห็นได้ว่า ทั้งระบบสระว่ายน้ำ Overflow และระบบสระว่ายน้ำ Skimmer ต่างมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน ถ้าหากคุณไม่รู้ว่าจะเลือกใช้ระบบสระว่ายน้ำไหนดี สามารถดูได้จากจุดเด่นจุดด้อยเหล่านี้เลย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการสระว่ายน้ำมีความสวยงาม มีพื้นที่เพียงพอ และมีงบประมาณสูง ระบบสระว่ายน้ำ Overflow นับว่าตอบโจทย์ที่สุด แต่ถ้ามีพื้นที่จำกัด ต้องการลดต้นทุน ก็จะเหมาะกับระบบสระว่ายน้ำ Skimmer มากกว่า
สำหรับท่านใดที่ยังเลือกไม่ถูก สามารถขอรับคำแนะนำการติดตั้งสระว่ายน้ำกับ J5 Swimming ได้เลย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งสระว่ายน้ำทั้งแบบ Overflow และ Skimmer พร้อมให้คำแนะนำคุณอย่างละเอียด ดูแลครบตั้งแต่ออกแบบ วางระบบและติดตั้ง จำหน่ายอุปกรณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับสระว่ายน้ำ รวมถึงบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซม รับประกันเลยว่า จะช่วยให้การติดตั้งสระว่ายน้ำเป็นเรื่องง่ายไม่ยุ่งยากแน่นอน!



