การมีสระว่ายน้ำถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่ตามมาคือความรับผิดชอบในการดูแลรักษาคุณภาพน้ำให้ใสสะอาด และปลอดภัยต่อการใช้งาน หนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการดูแลสระว่ายน้ำคือ การเปลี่ยนน้ำ การดูแลรักษาสระว่ายน้ำให้ใสน่าใช้งานอยู่เสมอ ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่การเติมคลอรีนหรือเปิดระบบกรองน้ำเท่านั้น แต่การ “เปลี่ยนน้ำในสระว่ายน้ำ” เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณภาพน้ำดี ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบสระซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าควรทำบ่อยแค่ไหน และมีวิธีการอย่างไรให้ถูกต้อง บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนน้ำในสระว่ายน้ำ
เปลี่ยนน้ำสระว่ายน้ำต้องเปลี่ยนทุกกี่วัน
ความถี่ในการเปลี่ยนน้ำในสระว่ายน้ำนั้นไม่ได้มีกำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขนาดของสระ ปริมาณการใช้งาน สภาพแวดล้อมโดยรอบ และระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพ
ระยะเวลาในการเปลี่ยนน้ำสระว่ายน้ำ
- สระว่ายน้ำส่วนตัว
สำหรับสระว่ายน้ำที่บ้านที่มีการใช้งานไม่บ่อยนัก และมีระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพ อาจพิจารณาเปลี่ยนน้ำ ทุกๆ 1-3 ปี หรือเมื่อสังเกตเห็นว่าคุณภาพน้ำเริ่มแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เช่น น้ำขุ่น มีตะไคร่ หรือมีสารเคมีสะสมในระดับสูง - สระว่ายน้ำสาธารณะ หรือสระที่มีการใช้งานบ่อย
สระประเภทนี้ต้องการการดูแลที่เข้มงวดกว่า เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ทำให้มีสิ่งสกปรกและเชื้อโรคสะสมได้ง่ายกว่า อาจจำเป็นต้องมีการ ถ่ายน้ำบางส่วนเป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน เพื่อรักษาสมดุลของสารเคมีและลดการสะสมของสิ่งสกปรก และอาจต้อง เปลี่ยนน้ำทั้งหมด ทุกๆ 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและกฎระเบียบของสถานที่นั้นๆ
สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนน้ำในสระว่ายน้ำน้ำขุ่นมัว แม้จะผ่านการกรองแล้วน้ำก็ยังไม่ใส

- มีตะไคร่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ควบคุมได้ยากแม้จะใช้สารเคมีแล้ว - ค่าสารเคมีในน้ำไม่สมดุล
ปรับให้สมดุลได้ยาก หรือต้องใช้สารเคมีในปริมาณมาก - มีกลิ่นไม่พึงประสงค์
บ่งบอกถึงการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค
การดูแลความสะอาดสระว่ายน้ำส่วนอื่น ๆ
นอกจากการเปลี่ยนน้ำตามระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว การดูแลความสะอาดส่วนอื่น ๆ ของสระว่ายน้ำก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้น้ำในสระสะอาดและมีคุณภาพดีอยู่เสมอ
การเปลี่ยนไส้กรอง
ไส้กรองมีหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกและเศษต่างๆ ในน้ำ ควรตรวจสอบและทำความสะอาดไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย สัปดาห์ละครั้ง สำหรับสระส่วนตัว และบ่อยขึ้นสำหรับสระที่มีการใช้งานมาก หากไส้กรองสกปรกมาก หรือหมดอายุการใช้งาน (ประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทและปริมาณการใช้งาน) ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
การตรวจสอบค่า PH
ค่า pH ของน้ำในสระว่ายน้ำควรอยู่ในช่วง 7.2 – 7.6 ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฆ่าเชื้อโรคของคลอรีน และไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตา ควรตรวจสอบค่า pH อย่างน้อย สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และปรับค่าให้สมดุลอยู่เสมอ โดยใช้สารเคมีปรับค่า pH ที่เหมาะสม
การตรวจสอบระบบกรองน้ำ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบกรองน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเปิดระบบกรองน้ำอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้มีการหมุนเวียนและกรองน้ำอย่างทั่วถึง ตรวจสอบปั๊มน้ำและวาล์วต่างๆ ว่าอยู่ในสภาพดีและไม่มีการรั่วซึม
การดูแลความสะอาดสระว่ายน้ำที่ควรทำเป็นประจำ
- การตักเศษขยะ
ตักใบไม้ แมลง และสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำทุกวัน - การแปรงขัดผนังและพื้นสระ
ขัดผนังและพื้นสระอย่างน้อย สัปดาห์ละครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของตะไคร่และคราบสกปรก - การดูดตะกอน
ดูดตะกอนที่ก้นสระอย่างน้อย สัปดาห์ละครั้ง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่จมลงไป - การเติมสารเคมี
เติมคลอรีน หรือสารฆ่าเชื้อโรคอื่นๆ ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำ เพื่อควบคุมเชื้อโรคและป้องกันการเกิดตะไคร่ - การควบคุมระดับน้ำ
รักษาระดับน้ำในสระให้เหมาะสม เพื่อให้ระบบกรองน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกระบบฆ่าเชื้อโรคให้เหมาะสมกับสระว่ายน้ำ
เครื่องผลิตคลอรีนจากเกลือ (Salt Chlorinator) ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้การดูแลรักษาน้ำในสระว่ายน้ำง่ายขึ้น สะอาด ปลอดภัย และลดการพึ่งพาสารเคมีในรูปแบบดั้งเดิม ด้วยการเปลี่ยนเกลือในน้ำให้กลายเป็นคลอรีนอัตโนมัติในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้หลายบ้านและสระว่ายน้ำสมัยใหม่หันมาใช้ระบบนี้กันมากขึ้น
การเลือกเครื่องผลิตคลอรีนจากเกลือที่เหมาะสมสำหรับสระว่ายน้ำต้องพิจารณาอย่างละเอียดเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และปลอดภัยอย่างแท้จริง ควรเลือกเครื่องที่สามารถทำงานได้อย่างฉลาดและสะดวกสบาย โดยไม่ต้องใช้เวลาดูแลมาก และสามารถปรับค่าต่าง ๆ ได้อัตโนมัติ

- ควบคุมผ่านแอพพลิชั่น ง่ายๆ เพียงคลิกเดียว
- อ่านค่า ORP /CL /pH / อุณหภูมิของน้ำในสระ
- ปรับโหมด Turbo Boost เพียงปลายนิ้วสัมผัส
- สามารถตรวจวัดค่าเกลืออัตโนมัติ
- ตรวจสอบบันทึกการทำงานได้การตรวจวัดค่าความเค็ม
- ฟังก์ชันในการควบคุมปั๊ม
- กระบอกเซลล์ electrode ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้
- มีฟังก์ชันควบคุมค่า pH ในตัว
- ระบบทำความสะอาดตัวเอง
- ปรับโหมดการทำงานอัตโนมัติ เมื่อระดับเกลือต่ำ
การเปลี่ยนน้ำในสระว่ายน้ำเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาที่สำคัญ แต่ความถี่ในการเปลี่ยนนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย การสังเกตคุณภาพน้ำและการดูแลความสะอาดส่วนอื่นๆ ของสระอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณมีสระว่ายน้ำที่ใสสะอาด ปลอดภัย และพร้อมใช้งานได้ยาวนาน หากสนใจติดตั้งระบบสระว่ายน้ำกับทาง J5 Swimming Pool เราให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบสระว่ายน้ำพร้อมจำหน่ายอุปกรณ์สระว่ายน้ำครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำเกี่ยวกับการวางระบบสระว่ายน้ำที่เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งานของคุณ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ : 02-277-1345 หรือ Line: @j5pool